จากกรณีที่โลกออนไลน์ ได้มีการแชร์เรื่องราวน่าประทับใจของคุณครูท่านหนึ่ง ซึ่งจัดประเมินผลการเรียนของเด็กนักเรียน ในรูปแบบใหม่ที่แตกต่างไปกว่าเดิม โดยไม่ได้เน้นที่คะแนนการสอบ แต่ให้ความสำคัญกับความถนัดของเด็ก ๆ แต่ละคน ให้ทุกคนได้ที่ 1 ในด้านในด้านหนึ่งกันทั้งชั้นเรียน ทำให้ไม่มีใครด้อยกว่าใคร ไม่มีใครรู้สึกน้อยใจว่าได้คะแนนน้อยกว่าเพื่อน เพราะแต่ละคนก็มีความแตกต่างกันไป ซึ่งเรื่องเล็ก ๆ ที่น่ารักนี้ ได้สร้างความประทับใจไปทั่วโซเชียล
โดยสุดยอดคุณครูคนดังกล่าว มีชื่อว่า นายชินกร พิมพิลา เป็นครูสอนวิชาภาษาไทย ของโรงเรียนบ้านนาสีนวล อ.เจริญศิลป์ จ.สกลนคร โดยดูแลด้านวิชาการของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 และเป็นครูประจำชั้น ป.6/1 อีกด้วย ซึ่งล่าสุด เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2561 คุณครูชินกรก็ได้ออกมาเปิดเผยถึงเกณฑ์การให้คะแนนลูกศิษย์ในแบบของตน โดยกล่าวผ่านหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ว่า เรื่องนี้สืบเนื่องมาจากตนได้รับมอบหมายให้เป็นครูประจำชั้น ป.6/1 ซึ่งเป็นห้องที่มีผลการเรียนอ่อนที่สุด มีนักเรียนจำนวน 17 คน ตนพยายามสอนเด็ก ๆ ในด้านต่าง ๆ ให้ทั่วถึง ทั้งในด้านวิชาการ และการเรียนรู้นอกห้องเรียน โดยพาทุก ๆ คนออกไปเรียนรู้และรู้จักชุมชนของตัวเอง
สิ่งที่ได้จากการพาเด็ก ๆ ออกไปเรียนรู้ก็คือ มันทำให้ตระหนักได้ว่าพวกเขาแต่ละคนนั้นมีความถนัดด้านอื่น ๆ นอกเหนือจากวิชาการ ครูชินกรจึงพยายามส่งเสริมให้เด็ก ๆ ได้ทำในสิ่งที่ถนัด ผลที่ตามมาก็คือ เด็กบางคนจากที่ไม่เคยได้ออกไปประกวดแข่งขันอะไรกับเขาเลย ก็ได้ออกไปประกวดในสิ่งที่ถนัด เด็ก ๆ จึงมีความสุขในการเรียนมากขึ้น และทางผู้ปกครองก็ให้การตอบรับเป็นอย่างดีอีกด้วย
ครูชินกร กล่าวว่า วันที่สำคัญที่สุดในช่วงก่อนปิดภาคเรียนของทุก ๆ ปีก็คือ วันประกาศผลการเรียน ตนได้คิดดูแล้วก็พบว่า เด็กคนไหนที่มีผลการเรียนรั้งท้าย ก็จะได้อยู่แบบนั้น จนทำให้เด็กรู้สึกไม่อยากสนใจการเรียนอีก เพราะเรียนไม่เก่ง สู้เพื่อนไม่ได้ ตนจึงเกิดความคิดอยากให้เด็กรู้สึกมีความภาคภูมิใจในตนเอง และได้จัดทำผลการเรียนออกมาเป็น 4 ส่วน ได้แก่ 1.ข้อมูลผู้เรียน 2.ผลการเรียนด้านวิชาการ 3.ผลการทำกิจกรรม และ 4.ผลการจัดลำดับ ซึ่งระบุว่าเด็ก ๆ ได้ที่ 1 ในด้านใดบ้าง ซึ่งมีตั้งแต่ ร้องเพลงเก่งที่สุด หาปลาเก่งที่สุด ปลูกผักเก่งที่สุด ไปจนถึงช่วยครูเก่งที่สุด ตอนแรกที่เด็กเห็นก็งง แต่เมื่อเขาได้อ่านผลและนำไปให้พ่อแม่ สิ่งที่ตนได้รับกลับมาอย่างชัดเจนที่สุด และเป็นสิ่งที่ปีก่อน ๆ ไม่เคยมีก็คือ รอยยิ้ม
นอกจากนี้แล้ว ในตอนท้ายของใบผลการเรียน ครูชินกรได้ระบุคำสัญญากับเด็ก ๆ ไว้ว่า ทุกวันที่ 12 เมษายน จะมาเจอกันที่โรงเรียน ซึ่งโรงเรียนของเราเป็นโรงเรียนขยายโอกาส เมื่อวันนั้นมาถึง เด็กจะกลับมาพร้อมกับความภูมิใจการพัฒนาตนเอง และตนเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า การทำให้เด็ก ๆ ได้รู้จักชุมชน พวกเขาเหล่านั้นจะรักบ้านเกิด และพร้อมกลับมาช่วยพัฒนาชุมชนของพวกเขาให้ดียิ่งขึ้น
สุดท้ายแล้ว ครูชินกรมองว่า ตนไม่ได้เรียงลำดับนักเรียนตามความเก่ง ความสามารถทางวิชาการ ไม่ใช่ตัววัดทุกอย่างในชีวิตได้ เด็กแต่ละคนมีความสามารถเฉพาะด้าน เราเองต้องพัฒนาด้านวิชาการ ควบคู่ไปกับการส่งเสริมให้เด็กได้ค้นพบตัวเอง และมุ่งทำในสิ่งที่เด็กสนใจจริง ๆ และเมื่อเด็กรู้ว่า ตนเองเป็นที่ 1 ในด้านใด เขาเองจะเกิดความภาคภูมิใจ มุ่งมั่นที่จะทำในสิ่งที่ชอบ และทำให้การเรียนพัฒนามากยิ่งขึ้น ดีกว่าที่จะมาหงอยเมื่อผลการเรียนออกมา
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ชินกร พิมพิลา