หลายคนทำงานมาตั้งหลายปี แต่ก็ไม่เคยมีเงินเก็บสักที ไม่รู้ว่าเพราะเงินเดือนที่ได้มันน้อย หรือใช้เงินเยอะเกินไป แต่กลับกันเพื่อนบ้านต่างหลั่งไหลเข้ามา เพื่อที่จะมาทำงานในบ้านเรา ถึงแม้จะถูกจ่ายด้วยค่าแรงที่ถูกกว่าคนไทย แต่พวกเขากลับมีเงินเก็บเป็นกอบเป็นกำ ซื้อรถซื้อบ้านได้ภายในไม่กี่ปี ถ้าอยากรู้ว่าเพราะอะไร ไปดูเคล็ดลับในการเก็บเงินของพวกเขากัน
6 เคล็ดลับเก็บเงินของชาวพม่า
1. รู้จักอดเปรี้ยวไว้กินหวาน
ถ้าลองสังเกตวิถีการใช้ชีวิตของพวกเขา จะเข้าใจเลยว่าทำไมเขาถึงมีเงินเก็บเป็นกอบเป็นกำได้ภายในไม่กี่ปี เพราะพวกเขานั้นใช้จ่ายอย่างประหยัดจริงๆ ห้องพักที่เราพักกันได้ 1-2 คน แต่พวกเขาสามารถอยู่กันได้ 4-5 คน ยิ่งมีคนเยอะก็ยิ่งมีคนช่วยหารเยอะ ทั้งค่าห้อง ค่าน้ำค่าไฟ กับข้าวก็ซื้อมากินด้วยกันหลายๆคน ประหยัดไปได้เยอะ
พวกเขาขอแค่มีที่หลับนอนก็พอ เพราะเวลาส่วนใหญ่ก็เอาไปทุ่มให้กับการทำงาน และก็ทำงาน เพื่อที่จะมีเงินส่งให้คนที่บ้าน และให้เขาได้กลับไปใช้ชีวิตที่บ้านเกิดได้อย่างสบายในภายหลัง เรียกว่าอดเปรี้ยวไว้กินหวานของจริง
2. เก็บเงินในรูปแบบของสิ่งของ
หากเก็บเงินไว้จำนวนมากๆ เวลาเห็นจำนวนเงินก็อาจจะใจอ่อน และเอาออกมาใช้หมดได้ง่าย ดังนั้นเขาจึงมักจะเปลี่ยนเงินเป็นสิ่งของ ค่อยๆซื้อสะสมไว้ แล้วพอถึงช่วงเทศกาลก็ขนข้าวของที่ซื้อไว้กลับบ้านเกิดไปให้พ่อแม่ หรือคนที่อยู่ทางบ้าน ซึ่งก็สามารถใช้ประโยชน์ได้ไม่ต่างจากเงิน และยังสามารถจับต้องได้
3. สะสมความมั่งคั่งด้วย “ทองคำ”
เป็นที่รู้กันดีว่า เปอร์เซ็นต์ของบ้านเราจะสูงกว่าบ้านเขา ดังนั้นพวกเขาจึงมักจะนิยมซื้อทองที่บ้านเราเก็บไว้ เวลาที่จะกลับบ้านก็เอาไปให้คนที่บ้าน สังเกตดูว่า แม้แต่ร้านทองบางแห่ง ก็ยังติดป้ายเป็นภาษาพม่าเลย แสดงว่าลูกค้าที่เป็นชาวเพื่อนบ้านต้องมาซื้อบ่อยมากแน่ๆ และการซื้อทองก็เป็นเหมือนการเก็บเงินในรูปแบบหนึ่ง ที่มีความมั่นคงและเป็นที่ยอมรับระดับโลก เพราะถึงแม้ว่าวันหนึ่งเงินจะไม่มีค่า แต่ทองก็ยังเอาไปขายได้ทั่วโลก และยิ่งช่วงนี้ราคาทองก็สูงมากๆ ใครที่ซื้อทองเก็บไว้ก่อนหน้านี้ เรียกได้ว่ากำไรบาน
4. ความกตัญญู คืออีกปัจจัยที่นำไปสู่ความสำเร็จ
ความกตัญญูก็เป็นสิ่งสำคัญ ที่จะนำพาชีวิตของเราไปสู่สิ่งดีๆ และเหมือนเป็นแรงผลักดันให้เราทำมันให้สำเร็จ พวกเขาต้องจำใจจากบ้านเกิดมาอยู่ต่างที่ ก็เพื่อชีวิตความเป็นที่ดีขึ้น ไม่ใช่แค่ของตัวเอง แต่ยังมีครอบครัวที่รออยู่ข้างหลัง พวกเขาจึงต้องขยันทำงานหนัก เพื่อส่งเงินกลับบ้านให้พ่อแม่ ไว้ปลูกบ้านอยู่ หรือนำเงินไปต่อยอดทำธุรกิจเพื่อให้ที่บ้านมีฐานะที่ดีขึ้นกว่าเดิม
5. ให้รู้สึกว่า ไม่มีเงินจริงๆ
เงินทองมันหายาก พวกเขาจึงไม่ยอมที่จะเสียเงินไปกับอะไรง่ายๆที่มันฟุ่มเฟือยหรือไม่จำเป็น เช่น การไปช้อปปิ้งซื้อกระเป๋า รอเงท้า เสื้อผ้า เพราะทุกๆเดือนพวกเขาจะส่งเงินกลับบ้าน เพื่อให้คนที่บ้านเก็บไว้ตลอด แล้วจะเหลือติดตัวไว้ใช้แค่เล็กน้อยเท่านั้น และยิ่งมีเงินติดตัวน้อย ก็จะยิ่งใช้จ่ายน้อย เหมือนเป็นการบังคับตัวเองอีกทางหนึ่งให้ประหยัดใช้เงิน และขยันทำงานให้มากขึ้น
6. เก็บเงินเพื่อเป้าหมายที่ตั้งไว้
พวกเขามักจะไม่เสียเงินไปกับความสุขเล็กๆน้อยๆแค่ชั่วคราว แต่จะเก็บเงินเพื่อเป้าหมายที่ใหญ่กว่านั้น เช่น การเก็บเงินซื้อบ้าน ซื้อรถ หรือเก็บเงินก้อนกลับบ้านให้ได้ เพราะเขารู้ว่าสิ่งของภายนอก มันไม่สำคัญเท่าความมั่นคงในอนาคตข้างหน้าที่รออยู่ และนั่นจะเป็นความสุขถาวร เมื่อเขามีพร้อมทุกอย่างแล้ว จะซื้อความสุขเล็กๆน้อยๆทีหลังก็ไม่สาย
มีคนเคยไปสัมภาษณ์เพื่อนบ้าน ที่ต้องเดินทางมาทำงานต่างบ้านต่างเมือง ว่าเขามีแนวคิดอย่างไรกันบ้าง
โส่ย ( ลูกจ้างโรงงาน ) กล่าวว่า “ที่เลือกมาทำงานที่นี่ เพราะว่ามีงานให้ทำเยอะ และตอนนี้ก็กำลังหาเงินเพื่อที่จะส่งลูกเรียนมหาวิทยาลัย เรียนด้านเภสัช”
เย เมียว ซอ (คนงานก่อสร้าง) กล่าวว่า “ที่มาทำงานที่นี่ ก็เพื่อจะหาเงินเอาไว้ลงทุนทำธุรกิจ เพราะตอนนี้ประเทศบ้านเกิดตัวเองกำลังเปิดประเทศ เศรฐกิจกำลังขยายตัว ใครมีทุนเยอะกว่าก็มีโอกาสมากกว่า”
เปีย เปียง โซ ( แม่บ้านทำความสะอาด ) กล่าวว่า “ที่บ้านมีหนี้เยอะมาก จึงมาทำงานเพื่อใช้หนี้ให้พ่อแม่ อยู่ที่บ้านงานน้อยเงินน้อย แล้วก็ไม่มีงานให้ทำทุกวัน แต่ที่นี่มีงานให้ทำเยอะ แค่ขยัน ไม่เลือกงาน ก็มีงาน มีเงินดีๆ ค่าเงินก็มากกว่า ทำงานเก็บเงินใช้หนี้ปีเดียวก็หมดแล้ว”
แต่ทั้งนั้นทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับการวางแผนทางการเงินของแต่ละคน หากเรามีการวางแผนการเงินที่ดี คือ มีความตั้งใจจริงและมีวินัย ลงมือปฏิบัติ มีการออมและการลงทุนอย่างถูกต้อง ก็จะนำไปสู่ความมั่นคงทางการเงิน และส่งผลต่อชีวิตที่ดีของเราด้วย ดังนั้นควรหันมาใส่ใจ เริ่มต้นวางแผนการเงินตั้งแต่เล็กๆ เพื่อเป็นการปลูกฝังนิสัยการออมและการใช้เงินที่ดีกันเถอะ