สวัสดีครับ ช่วงนี้ คงปฏิเสธ กันไม่ได้ว่า อากาศร้อนๆ แบบนี้ บ้านฉันจะไม่เปิดแอร์ เปิดพัดลม เพราะ ร้อนมาก ๆ เลย ช่วงนี้ แลัแน่นอน สิ่งที่ตามมา คือ ค่าไฟ ที่คาดว่า น่าจะพุ่งกระฉูด แน่นอนครับ หลายๆ บ้าน ที่บ้านไหน มีแอร์ คงเปิดแอร์ทำงานกันทั้งวันใช่ไหมครับ? วันนี้ผมเอง รวบรวมวิธีที่จะช่วยให้เพื่อนๆ ประหยัดค่าไฟจากการเปิดแอร์มาฝาก คราวนี้ก็จะได้เปิดแอร์ทำงานกันแบบเย็นฉ่ำได้ทั้งวัน ไม่ต้องกังวลว่าค่าไฟจะพุ่งกระฉูด จะมีวิธีอะไรบ้างตามไปดูเลยคราับ
1.เช็คว่าขนาดแอร์เหมาะสมกับตัวห้องไหม
ขนาดของแอร์ BTU = พื้นที่ห้อง(ตร.ม.) x 800 คิดได้กี่ BTU ก็ห้ามซื้อต่ำกว่านี้เดี๋ยวไม่เย็นนะ แต่ถ้าห้องรับแดดทั้งวันก็คูณ 1,000 ไปเลย! เช่น ห้องทำงานขนาด 3×4 เมตร = 12 ตร.ม. ถ้าอยู่ติดผนังรับแดดเช่นทิศตะวันตก ก็คูณ 1,000 เท่ากับว่าเราควรซื้อแอร์ขนาด 12,000 BTU ขึ้นไปค่ะ ถ้าแอร์ไม่เหมาะสมกับขนาดห้องอาจช่วยได้ด้วยการเปิดพัดลม
2.เปิดพัดลมช่วย
อุณหภูมิที่เราจะอยู่สบายที่สุดก็คืออุณหภูมิแบบเมดิเตอร์เรเนียน คือ ราว 24 – 26 องศาเซลเซียส โดยการตั้งอุณหภูมิแอร์ไว้ที่ 25 องศา อาจไม่ใช่อุณหภูมิที่ประหยัดไฟที่สุด แต่เป็นเพียงอุณหภูมิที่เรากำลังเย็นพอดีและแอร์ก็กินไฟไม่มากจนเกินไป ซึ่งจริงๆ แล้วเราอาจปรับให้เป็น 27-28 องศา แล้วเปิดพัดลมช่วยก็จะประหยัดกว่า
* หมายเหตุ แอร์บ้านปกติจะใช้อยู่ที่ 9000 – 12000 BTU ซึ่งจะใช้กำลังไฟประมาณ 750 – 1,200 วัตต์ พัดลมจะใช้กำลังไฟอยู่ที่ 50 วัตต์ เท่ากับว่า เปิดพัดลม 15 ตัวถึงจะเท่าเปิดแอร์ตัวเดียว
3.เปิดพัดลมดูดอากาศร้อนออกไปก่อนเปิดแอร์
อากาศร้อนจะลอยอยู่ด้านบนของห้อง ถ้าเรามีพัดลมดูดอากาศก็เปิดให้ดูดอากาศร้อนออกไปก่อนแล้วค่อยเปิดแอร์จะช่วยประหยัดไฟ หรือก่อนเปิดแอร์ประมาณ 15 นาที ควรเปิดหน้าต่างเพื่อให้อากาศบริสุทธิ์จากข้างนอกเข้าไปแทนที่อากาศภายในห้อง เป็นการช่วยระบายความร้อนที่อาจสะสมอยู่ในห้อง แถมยังช่วยยังช่วยลดกลิ่นอับต่างๆ ได้ด้วย
4.หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีความร้อน
การใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีความร้อนภายในห้องทำให้แอร์ทำงานหนักขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการรีดผ้า,ทำอาหารด้วยกระทะไฟฟ้า, หม้อต้มน้ำร้อน หรือแม้กระทั่งการยกอาหารร้อนๆ เข้าไปทานในห้อง ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้แอร์ทำงานหนัก ถ้าหลีกเลี่ยงได้จะเป็นการช่วยให้แอร์ทำงานหนักลดลงได้มากเลย
5.หลีกเลี่ยงการนำความชื้นเข้าห้อง
ปกติแล้วแอร์จะใช้พลังงานในการทำความเย็นอยู่ที่ 30% ส่วนอีก 70% เป็นพลังงานที่ใช้กำจัดความชื้นเพื่อทำให้สภาพอากาศภายในห้องแห้ง เราจึงควรหลีกเลี่ยงการนำสิ่งของที่ก่อให้เกิดความชื้นเข้ามาในห้อง เช่น ต้นไม้หลายต้นๆ (แต่ถ้าอยากมีต้นไม้ไว้ในห้อง อาจจะเลือกเป็นต้นไม้ฟอกอากาศเหลือในห้องสัก 1-2 ต้นก็ได้นะ) รวมไปถึงการตากผ้า เช่น ผ้าเช็ดตัว
6.ติดฟิล์มกันความร้อน
ติดฟิล์มกันความร้อน แบบใสๆ ก็มี แอดเคยซื้อที่โฮมโปรเมตรละ 150-450 บาทแล้วแต่ลาย แต่กันความร้อนได้ดีจริงๆ หรืออย่างน้อยติดม่านก็ได้เพราะม่านจะช่วยลดการกระจายรังสีความร้อนจากแสงพระอาทิตย์ใม่ให้เข้ามาในห้องมากเกินไป และยังชวยกำจัดอุณภูมิความร้อนระหว่างวันได้เป็นอย่างดีด้วยค่ะ รับรองว่าเป็นการช่วยประหยัดไฟได้ดีสุดๆ
7.ล้างแอร์ทุก 6 เดือน
เมื่อเปิดแอร์ทุกวัน ฝุ่นจะเข้าไปสะสมทั้งในพัดลมและตัวคอยล์แอร์ ดังนั้นควรล้างแอร์ 2 ครั้งต่อปีจะช่วยลดค่าไฟได้ราว 10% เลยนะ หรือถ้าแอร์อายุเกิน 10 ปี แนะนำให้ซื้อใหม่ไปเลย เอาที่มี Inverter ซึ่งจะสามารถคำนวณอุณหภูมิได้แม่นยำกว่าแอร์เก่าเลย
วิธีการคำนวณค่าไฟ
คำนวนค่าไฟ https://www.mea.or.th/aboutelectric/116/280/form/11