นานมาแล้ว.. ส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติทับลานอันเป็นที่รู้จักกันในชื่อว่า “ผาเก็บตะวัน” คือพื้นที่ๆ นักท่องเที่ยวให้ความสนใจ และพยายามปีนป่ายจากเบื้องล่างขึ้นมาเพื่อสัมผัสกับวิวทิวทัศน์อันสวยสดงดงาม เมฆหมอกที่ลอยลิ่วอยู่บนแนวเขาสูง สวยงามราวกับสรวงสวรรค์ที่เราเกือบเอื้อมถึง ดินแดนที่พร่างพราวอยู่ด้วยเสน่ห์ของความเป็นธรรมชาติ สีเขียวของต้นไม้และพืชพันธุ์ที่เติบโตจากความชุ่มชื้น ให้บรรยากาศที่ยากจะเอ่ยถึง…และเราก็อยากให้ห้วงเวลาหยุดอยู่แค่ตรงนี้ตลอดกาล
เริ่มต้นสู่การเดินทางสู่ดินแดนจรดเมฆ
ผาเก็บตะวัน ความงามที่ดึงดูดนักเดินทางให้เข้าหา ความเสน่ห์หาอันน่าเย้ายวลแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติทับลาน ตั้งอยู่ในอำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา ความโดดเด่นคือบรรยากาศที่นักเดินทางจะได้สัมผัสกับทิวเมฆที่ลอยลิ่วหนาตาอยู่เบื้องหน้า
เมื่อเดินขึ้นสู่จุดยอดของผาแห่งนี้ ทะเลหมอกที่ปกคลุมทุกอย่างจนขาวโพลน มีเพียงส่วนแหลมของยอดเขาบางส่วนที่โผล่พ้นขึ้นมาให้ได้เห็น ปุยหมอกสีขาวยังถูกลมพัดโชยผ่านเข้ามายังพื้นที่ๆ เรายืนอยู่ ให้ความสลัวๆ ราวกับกำลังดำดิ่งอยู่ในห้วงแห่งความฝัน ละอองสีขาวขนาดเล็กจิ๋วนับล้านนับพัน พัดพลิ้วสัมผัสผิวกายผ่านไปพอให้เย็นยะเยือก ทว่าความรู้สึกในหัวใจเบื้องลึกกลับดูอบอุ่น ราวกับเป็นการต้อนรับจากเพื่อนบ้านที่ไม่ได้พบปะกันเนิ่นนาน
กิจกรรมสนุกกับการปลูกป่าบนดอย
กิจกรรมที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวของที่นี่ ก็คือการปลูกป่าแบบไม่เหมือนขุดหลุมแล้วฝังเมล็ดพันธุ์ลงไป แต่สำหรับบนยอดเขานี้ คือการยิงเมล็ดพันธุ์ด้วยหนังสติ๊ก ให้มันได้โบยบินออกไปในแนวป่าเบื้องล่าง ตกที่ไหนก็งอกเงยขึ้นมาเป็นต้นไม้ ณ ที่นั้น เมล็ดพันธุ์ที่ใช้ก็เป็นชนิดเดียวกันกับพืชพันธุ์ที่อยู่ในป่า ไม่ว่าจะเป็นมะค่าโมง และลูกลาน บรรจุถุงบริการเพียงแค่ 10 บาท ก็จะได้เป็นส่วนหนึ่งของการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ยิ่งยิงไปส่วนไหนที่ไม่ค่อยมองเห็นต้นไม้ โอกาสที่เมล็ดพันธุ์ของเราจะเติบโตขึ้นมาได้มีสูงกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ คนที่นี่เขาบอกว่าการปลูกป่าแบบนี้ เหมือนกับการเติบโตของเมล็ดพันธุ์ในธรรมชาติ เอาตัวรอดและยิ่งใหญ่ให้ได้ด้วยตัวมันเอง แล้วจะแข็งแกร่ง
ชมแสงทองลาลับขอบฟ้า
ช่วงเวลาอันพิเศษสุดที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ให้การรอคอยคือ การเก็บภาพประทับใจของดวงตะวันที่กำลังจะโบกมือลาในช่วงเวลาเย็น จุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยงามและสุดแสนจะโรแมนติก แสงทองที่ค่อยๆ ลาลับขอบฟ้า อำลาวันเก่าด้วยการอาบทาแสงสีส้มนวลไปทั่วผืนฟ้า ต้นหญ้าและใบไม้ถูกอาบทาสะท้อนเป็นเงาอย่างงดงาม ความเงียบเข้าปกคลุมผืนป่ามากขึ้น เราสัมผัสกับความรู้สึกบางอย่างที่ธรรมชาติกำลังกระซิบบอกอยู่เป็นนัย
เหล่าสิ่งมีชีวิตที่หากินช่วงกลางวัน เริ่มกลับเข้าสู่ที่พักเพื่อควาปลอดภัย ก่อนที่ราตรีจะเข้ากลืนกิน ถึงเวลาที่สิ่งมีชีวิตกลุ่มใหม่จะออกหาอาหารเพื่อยังชีพกันต่อไป เป็นวัฎจักรที่เรียบง่ายและไม่ซับซ้อน เป็นสิ่งที่เราเข้าใจได้ง่าย ชีวิตที่ไม่ต้องมากมายด้วยการแบกรับสิ่งใดเอาไว้ หากินเพียงเพื่อประทังชีพวันต่อวัน มีแสงตะวันเป็นเครื่องบอกเวลาให้รู้ว่าวันเก่ากำลังพัดผ่านไป และวันใหม่จะเริ่มต้นอีกครั้งในไม่ช้า
ใครที่อยากมาสัมผัสกับบรรยากาศของทะเลหมอกบนยอดผาแห่งนี้ แนะนำว่าควรเดินทางมาในช่วงปลายฝนต้นหนาวที่จะได้เห็นความงดงามของปุยสีขาวบริสุทธิ์กันแบบไม่เสียเที่ยว แถมยังได้ชื่นชมกับความงดงามของธรรมชาติ และอากาศที่เย็นสบาย จนลืมความวุ่นวายจากเมืองคอนกรีตเบื้องล่างไปโดยสิ้น