25 ประโยชน์ ของไข่ ที่รู้แล้วต้องรีบหามาทานด่วน

25 ประโยชน์ของไข่ ที่น่าอัศจรรย์ ที่คุณรู้แล้ว อยากจะรีบหาไข่มาททานเลยทีเดียว !!!

ไข่ แหล่งอาหารสำคัญที่ทุกบ้านต้องมี พบกับประโยชน์อันน่าอัศจรรย์ของไข่ ที่ไม่ได้มีประโยชน์แค่เพียงให้ท้องอิ่ม
ถ้า พูดถึงแหล่งโปรตีนที่อยู่ใกล้ตัวและหารับประทานง่ายที่สุดก็­­­คงจะหนีไม่ พ้น ไข่ ซึ่งเป็นอาหารที่ทุกบ้านต้องมีติดไว้ เพราะเป็นอาหารที่ทำง่ายและรับประทานกันได้ทุกเพศทุกวัย หลายคนอาจจะแค่ทราบว่าไข่มีสารอาหารมากมายที่ดีต่อร่างกาย­ แต่เคยสงสัยหรือเปล่านอกจากสารอาหารที่มีอยู่อย่างเพียบพร้อมแล้ว ไข่ยังมีอะไรดีอีกบ้าง ถึงขนาดหน่วยงานทางด้านสุขภาพถึงออกมาแนะนำให้คนรับประทานไข่กั­­­นวันละ 1 ฟอง ถ้าอย่างนั้นลองไปดูประโยชน์ของไข่ที่เว็บไซต์Health Extremist รวบรวมมาให้เราได้ทราบกัน รับรองว่ารู้แล้วต้องชอบรับประทานไข่มากขึ้นกว่าเดิมแน่

อุดมไปด้วยวิตามินชนิดต่าง ๆ และแร่ธาตุมากมายหลากหลายชนิด อาทิเช่น วิตามินบี วิตามินซี วิตามินดี วิตามินอี วิตามินเค

2. ช่วยลดความดันโลหิต จากการศึกษาพบว่า เปปไทด์ในไข่สามารถช่วยลดระดับความดันโลหิตในเลือดสูงได้

3. เป็นแหล่งโปรตีนที่ดีเยี่ยม ในไข่เพียง 1 ฟอง มีโปรตีนอยู่ถึง 6 กรัม ถือเป็นแหล่งโปรตีนที่ดีเยี่ยมเหมาะสำหรับคนที่ไม่สามารถรับประ­­­ทานเนื้อ สัตว์ได้ค่ะ

4.มีไขมันโอเมก้า 3 ไข่เป็นอาหารที่อุดมด้วยไขมันโอเมก้า 3 สูง ซึ่งเป็นไขมันที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย แถมยังช่วยบำรุงหัวใจให้แข็งแรงอีกด้วย

5. อุดมไปด้วยกรดอะมิโนที่สำคัญ ไข่ถูกเรียกว่าเป็นสุดยอดอาหารที่ดีกับสุขภาพ เหตุหนึ่งก็เพราะไข่เป็นแหล่งสะสมของกรดอะมิโนที่สำคัญต่อร่างก­­­ายถึง 9 ชนิดเลยทีเดียว

6.บำรุงสมองและระบบประสาท ในไข่เพียง 1 ฟอง มีโคลีน (Choline) มากถึง 20% ที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน ซึ่งโคลีนเป็นส่วนประกอบของเยื่อหุ้มเซลล์ เยื่อหุ้มสมอง ส่งผลให้สมองและระบบประสาทแข็งแรง

7.อุดมด้วย ลูทีน (Lutein) และ ซีแซนทีน (Zeaxanthin) สารทั้ง 2 ชนิดนี้เป็นสารแคโรทีนอยด์ที่มีความสำคัญกับสุขภาพดวงตา ทั้งนี้ยังช่วยปกป้องร่างกายจากสารอนุมูลอิสระ และยังช่วยลดความเสี่ยงโรคจอประสาทเสื่อมได้อีกด้วย

8. มีทริปโตเฟน (Tryptophan) และ ไทโรซีน (Tyrosine) ไข่มีกรดอะมิโนที่สำคัญอยู่มากมาย โดยเฉพาะ 2 ชนิดนี้ ซึ่งกรดอะมิโนเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ นอกจากนี้ทริปโตเฟนยังเป็นสารที่เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะไปช่วยสร้างสารเซโรโท นิน ช่วยทำให้อารมณ์ดี และยังเปลี่ยนเป็นสารเมลาโทนินที่ช่วยในการนอนหลับอีกด้วย

มีวิตามินบี 12 สูง นอกจากจะมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระแล้ว วิตามินบี 12 ในไข่ยังเป็นแร่ธาตุที่สำคัญในกระบวนการแปลงโฮโมซิสเตอีน (Homocysteine) ตัวร้าย ให้กลายเป็นโมเลกุลที่ปลอดภัยต่อร่างกาย อย่างเช่น กลูต้าไธโอน เป็นต้น

10. แหล่งอุดมแคลเซียม ไข่มีแคลเซียมสูงถึง 50 มิลลิกรัม หรือ 5% ของแคลเซียมที่ควรได้รับต่อวัน นอกจากนี้การรับประทานไข่ทุกวันยังช่วยลดความเสี่ยงมะเร็ง­เต้านมและการเกิด ติ่งเนื้อเมือกในลำไส้ใหญ่อีกด้วย

ลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ สารโคลีนที่อยู่ในไข่เป็นสารอาหารสำคัญในการช่วยลดการอักเสบ­อันเป็นสาเหตุของโรคหัวใจ
12. ลดความพิการตั้งแต่กำเนิด หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ต้องการโฟเลตในปริมาณที่มากกว่าปกติเพื่อ­­­สร้าง เสริมให้ทารกในครรภ์มีสุขภาพดีและเจริญเติบโตอย่างแข็งแรงสม­บูรณ์ และในไข่นั้นมีปริมาณโฟเลตอยู่ถึง 44 ไมโครกรัม คิดเป็น 11% ของปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน

แหล่งวิตามินเอที่สำคัญ วิตามินอีกชนิดที่มีมากในไข่ที่เรารับประทานนั้นก็คือวิตามินเอ­­­ ซึ่งมีถึง 19% ของปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน วิตามินเอทำหน้าที่สำคัญในการสร้างเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้แข็ง­­­แรง

14. บำรุงผมและเล็บ สารอาหารและวิตามินต่าง ๆ โดยเฉพาะซัลเฟอร์สามารถช่วยบำรุงดูแลสุขภาพผมและเล็บได้ ใครที่มีปัญหาเรื่องเล็กเปราะหักได้ง่ายควรจะรับประทานไข่ค่ะ

15. ป้องกันสารอนุมูลอิสระทำลายเซลล์ สารเซเรเนียมในไข่เป็นแร่ธาตุสำคัญซึ่งทำหน้าที่ลดการถ­ูกทำลายของเซลล์จาก สารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งและเนื้องอก โดยเฉพาะโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก

16. ช่วยในการมองเห็นและลดความเสี่ยงโรคต้อกระจก ไข่ไม่ได้เพียงแต่ช่วยลดการเกิดจอประสาทตาเสื่อมเท่านั้น แต่สารต้านอนุมูลอิสระในไข่ยังช่วยป้องกันดวงตาจากการทำลายของร­­­ังสียูวี และช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคต้อกระจกเมื่อแก่ตัวลงได้อีกด้วย

17. สร้างเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน นอกจากวิตามินหลากหลายชนิดแล้วไข่ยังมีธาตุเหล็กที่ทำหน้าที่สร้างเสริมการ ทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงและการผลิตเซลล์เม็­ดเลือดแดงให้เป็นไป อย่างปกติอีกด้วย

18. ช่วยลดน้ำหนัก จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยลุยเซียนาพบว่าคนที่รับประทานไข่ในมื้­้อเช้า สามารถลดน้ำหนัก และมีแรงมากกว่าคนที่รับประทานอาหารเช้าเป็นขนมปัง

19. เป็นของแหล่งวิตามินดี วิตามินดี เป็นแร่ธาตุสำคัญที่สร้างเสริมระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายและ­ป้องกันการเกิด โรคมะเร็ง โดยไข่หนึ่งฟองมีวิตามินดีถึง 41 ยูนิต หรือ7 % ของปริมาณวิตามินดีที่ควรได้รับต่อวัน

20. ลดอาการอักเสบ อาการอักเสบในร่างกายมีความเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคกระดูกพรุน อัลไซเมอร์ หรือแม้แต่โรคเบาหวานชนิดที่ 2 และสารที่ช่วยในการลดการอักเสบในร่างกายก็คือโคลีน ที่สามารถหาได้ในไข่ลูกกลม ๆ นี่ล่ะค่ะ
มีประโยชน์ต่อทารกในครรภ์ โคลีนในไข่เป็นสารอาหารที่สำคัญต่อการตั้งครรภ์ สารอาหารดังกล่าวจะเข้าไปช่วยพัฒนาสมองและป้องกันการเกิดความผิดปกติในท่อ ประสาทอีกด้วย22. ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด หลายการศึกษาแสดงให้เห็นว่าสารอาหารในไข่สามารถช่วยป้องกันการ แ­­­ข็งตัวของ เลือด ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดหัวใจวายและโรคหลอดเลือดหัวใจได้

23. บำรุงความจำ ปริมาณแร่ธาตุและวิตามินในไข่ที่สูงสามารถช่วยสร้างเสริมการทำง­­­านของสมอง ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความจำและการเรียนรู้ได้

24. ราคาไม่แพง ไข่เป็นอาหารที่มีราคาไม่แพงและสามารถหาซื้อได้ทั่วไป ยิ่งถ้าหากอยากให้ได้ประโยชน์อย่างเต็มที่ก็ควรซื้อไข่ที่สดใหม่จากฟาร์ม หรือจะเลี้ยงไก่ไข่ไว้เก็บไข่กินก็ได้เหมือนกันนะคะ

25. ทำอาหารได้หลากหลาย ไม่ว่าจะต้ม ตุ๋น เจียว ทอด ไข่ก็สามารถทำได้หมดเลยล่ะค่ะ และถ้าอยากให้ได้ประโยชน์มากขึ้นก็ลองเติมผัก หรือสมุนไพรลงไปปรุงได้ รับรองได้ประโยชน์เพียบ

 

กินไข่วันละกี่ฟองถึงจะเหมาะสม ?

ใน ไข่ไก่และไข่เป็ด 1 ฟอง จะมีคอเลสเตอรอลประมาณ 250 มิลลิกรัม ซึ่งจากข้อมูลสำนักโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุขได้แนะนำว่าคนเราควรได้รับคอเลสเตอรอลเข้าสู่ร่างกายไม่ เกินวันละ 300 มิลลิกรัม

ดังนั้นถ้าไม่อยากให้ร่างกายได้รับคอเลสเตอรอลจากการทานไข่มากเกินไป ก็ควรทานในปริมาณดังนี้

– เด็กอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป ให้กินไข่แดงต้มสุกผสมกับข้าวบด ให้ครั้งแรกปริมาณน้อย ๆ แล้วค่อยเพิ่มขึ้นทีละนิด
– เด็กอายุ 7 เดือนขึ้นไปจนถึงวัยรุ่น บริโภคได้วันละ 1 ฟอง
– คนทำงาน สุขภาพปกติ ควรบริโภค 3-4 ฟองต่อสัปดาห์
– ผู้ป่วยที่เป็นความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ควรบริโภคไข่ 1 ฟองต่อสัปดาห์ หรือตามคำแนะนำของแพทย์

อาหาร ทุกชนิดต่างมีข้อดีและข้อเสียทั้งนั้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณที่เรารับประทานเข้าไป ถ้าหากเรารับประทานมากเกินไป แน่นอนว่าอาหารเหล่านั้นจะต้องส่งผลกระทบแน่นอน ฉะนั้นทางที่ดีควรรับประทานแค่ในปริมาณที่เพียงพอต่อร่างกายเท่­­­านั้นนะ เพื่อสุขภาพที่ดี และไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำหนักขึ้นทีหลังอีกด้วยค่ะ

 

ใส่ความเห็น