แตงโมอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น คาร์โบไฮเดรต, เส้นใย, แคลเซียม, แมกนีเซียม, ฟอสฟอรัส, ธาตุเหล็ก, วิตามินเอ, วิตามินบี 1-6, วิตามินซี ฯลฯ และในแตงโมมีสารสำคัญเรียกว่า “ไลโคปีน” (Lycopene) ซึ่งเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่พบมากในผลไม้สีแดง มีส่วนช่วยในเรื่องของหัวใจและป้องกันมะเร็งได้ดี อีกทั้งในแตงโมมีแคลอรี่ต่ำมากอีกด้วย
แตงโมก็สามารถรับประทานได้และมีประโยชน์ไม่แพ้กัน และนี่คือเหตุผลที่คุณไม่ควรทิ้งส่วนนั้นไป
1.เนื้อสีขาวติดเปลือกแตงโมเหมาะสำหรับผู้ที่ออกกำลังกาย
เพราะเนื้อสีขาวตรงเปลือกแตงโมสามารถช่วยเพิ่มพลังขณะออกกำลังกายได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นสามารถรับประทานได้ทั้งก่อนและหลังออกกำลังกายเพราะหากรับประทานก่อนออกกำลังกายจะช่วยลดการปวดของกล้ามเนื้อ ส่วนรับประทานหลังออกกำลังกายจะช่วยลดอาการเจ็บปวดและฟื้นฟูกล้ามเนื้อได้ดีเพราะในเนื้อสีขาวบนเปลือกแตงโมอุดมไปด้วยกรดอะมิโน Citrulline (ซิทรูลีน) สูงมาก อาจจะนำไปหั่นใส่สลัดทูน่าหรือสลัดอกไก่กินก่อนออกกำลังกายก็เป็นไอเดียที่ดีไม่น้อย
2.ช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศได้
แตงโมเป็นผลไม้ที่เปรียบเสมือนไวอะกร้า ซึ่งในแตงโมจะมีกรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่ค้นพบขึ้นครั้งแรกในแตงโมและมีเยอะมากในเนื้อสีขาวบนเปลือกแตงโมชื่อว่า กรดอะมิโน Citruline amino acid เป็นกรดอะมิโนที่สามารถช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนของโลหิตและสามารถเพิ่มสมรรถภาพทางเพศได้นั่นเอง
3.ช่วยลดน้ำหนัก
ในส่วนของเนื้อสีขาวบนเปลือกแตงโมนั้นจะอุดมไปด้วยไฟเบอร์ ช่วยให้อิ่มเร็วขึ้น ช่วยระบายท้องและยังสามารถช่วยเผาผลาญและย่อยอาหารได้ด้วย
4.ช่วยลดความดันเลือด
เพราะเนื้อสีขาวบนเปลือกแตงโมมีคุณสมบัติเป็นยาขับปัสสาวะสามารถช่วยกำจัดน้ำส่วนเกินในกระแสเลือดและช่วยให้ภาวะความดันเลือดสูงลดลงได้
5.ดีต่อระบบขับปัสสาววะ
มีคุณสมบัติเป็นยาขับปัสสาวะซึ่งจะช่วยกำจัดน้ำส่วนเกินออกจากร่างกายได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้เปลือกแตงโมมีส่วนช่วยในการรักษาไต และทำให้ระบบทางเดินปัสสาวะของคุณสะอาด แต่ถ้าคุณอยากให้ระบบปัสสาวะทำงานได้ดียิ่งขึ้นคุณต้องไม่ลืมดื่มน้ำสะอาดวันละ 8-12 แก้วทุกวันด้วย
6.ช่วยป้องกันมมะเร็ง
แตงโมอุดมไปด้วยสารไลโคปีน (Lycopene) เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่พบมากในผลไม้สีแดง มีงานวิจัยกล่าวว่าไลโคปีนมีส่วนช่วยยับยั้งการเกิดมะเร็งได้ถึง 34 เปอร์เซ็น อีกทั้งยังมีส่วนช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งต่างๆ เช่น มะเร็งช่องปาก มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งตับอ่อน มะเร็งปลายลำไส้ใหญ่ มะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งลำคอ