ทำความรู้จักรถยนต์ไฟฟ้า 4 ประเภท มีจุดเด่นและแตกต่างกันอย่างไรบ้าง…
รถยนต์ไฟฟ้า หรือ Electric Vehicle (EV) กลายเป็นยานพาหนะทางเลือกใหม่ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน มาทำความรู้จักกับรถยนต์ไฟฟ้าทั้ง 4 ประเภทกันให้มากขึ้นกว่าเดิม ปัจจุบัน รถยนต์ EV มีด้วยกันทั้งหมด 4 ประเภทใหญ่ ๆ โดยแบ่งตามวิธีการใช้พลังงานมาขับเคลื่อน ดังนี้
เป็นรถยนต์ไฟฟ้าประเภทที่ใช้มอเตอร์ในการขับเคลื่อนแบบ 100 % โดยไม่มีเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ใช้ระบบน้ำมันเชื้อเพลิงใด ๆ มาเกี่ยวข้อง จึงมั่นใจได้ว่ารถไฟฟ้าประเภทนี้เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ไม่มีการปล่อยไอเสียออกมาจากตัวรถเลยแม้แต่นิดเดียว สำหรับการชาร์จแบตเตอรี่ในแต่ละครั้ง ใช้เวลาประมาณ 6 – 8 ชั่วโมง
2.รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด หรือ Hybrid Electric Vehicle (HEV)
รูปแบบการทำงานของรถยนต์ประเภทนี้ จะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์สันดาปและพลังงานไฟฟ้าที่ได้จากแบตเตอรี่ โดยระบบของรถยนต์จะสลับการใช้งานระหว่างเครื่องยนต์และแบตเตอรี่อัตโนมัติ หรือในบางครั้งระบบอาจใช้พลังงานจากทั้งสองแหล่ง เพื่อเสริมกำลังอัตราเร่งของรถยนต์ ในส่วนของตัวแบตเตอรี่ หลัก ๆ ระบบจะดึงพลังงานมาใช้ในช่วงที่รถออกตัวในระยะทาง 2 – 3 กิโลเมตรแรก จากนั้นจึงสลับกลับมาใช้เครื่องยนต์ในการขับเคลื่อน หากมีแบตเตอรี่มากพอ ระบบจะดึงไฟฟ้าจากแบตเตอรี่มาใช้งานกับอุปกรณ์ภายในต่าง ๆ เช่น ไฟหน้ารถ แอร์รถยนต์ เพื่อลดการใช้น้ำมันและลดการปล่อยควันพิษ
3.รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริดปลั๊กอิน หรือ Plug-in Hybrid Electric Vehicle (PHEV)
ระบบการทำงานจะมีความคล้ายคลึงกับรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด คือ ผสมผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์และแบตเตอรี่ เพียงแต่สามารถเสียบชาร์จไฟแบตเตอรี่ได้เองจากที่บ้าน หรือสถานีชาร์จไฟสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า โดยใช้เวลาในการชาร์จประมาณ 4 – 5 ชั่วโมง
4.รถยนต์ไฟฟ้าแบบเซลล์เชื้อเพลิง หรือ Fuel Cell Electric Vehicle (FCEV)
ระบบการทำงานของรถยนต์ไฟฟ้าประเภทนี้ จะเป็นการส่งโฮโดนเจนเหลวและอากาศที่มีออกซิเจนอยู่ เข้าสู่แผงเซลล์เชื้อเพลิงหรือที่เรียกว่า Fuel Cell Stack เพื่อแปลงเป็นกระแสไฟฟ้าเข้ามาเก็บในแบตเตอรี่ จากนั้นตัวมอเตอร์จะดึงเอากระแสไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ เพื่อนำไปใช้ในการขับเคลื่อนรถยนต์ต่อไป
สำหรับในประเทศไทย ระบบนิเวศเพื่อรองรับรถ EV ประเภทนี้นับว่าค่อนข้างเพียบพร้อมและกำลังได้รับการลงทุนและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีจำนวนสถานีชาร์จของการไฟฟ้านครหลวง (MEA) แล้วทั้งหมด 10 จุดทั่วประเทศ นอกจากนี้ ยังมีสถานีบริการชาร์จของรถแต่ละแบรนด์เอง และด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ก้าวกระโดดและกระแสตอบรับจากผู้บริโภคทั่วโลก อนาคตของท้องถนนที่เต็มไปด้วยรถยนต์ EV พลังงานสะอาดคงอยู่ไม่ใกล้เกินเอื้อม และปัญหาภาวะโลกร้อนรวมถึงการเสื่อมถอยของสิ่งแวดล้อมคงคลี่คลายลงได้บ้างอย่างแน่นอน