พิธา ลิ้มเจริญรัตน์เกิด 5 กันยายน พ.ศ. 2523 ชื่อเล่น ทิม เป็นนักธุรกิจและนักการเมืองชาวไทย หัวหน้าพรรคก้าวไกล อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ เดิมสังกัดพรรคอนาคตใหม่ จากการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2562
เป็นบุตรชายคนโตในบรรดาพี่น้อง 2 คนของ นายพงษ์ศักดิ์ ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับ นางลิลฎา ลิ้มเจริญรัตน์ และยังมีศักดิ์เป็นหลานลุงของนาย ผดุง ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตเลขานุการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และตามใจ ขำภโต อดีตกรรมการผู้จัดการธนาคารกรุงไทย ซึ่งเป็นญาติฝ่ายมารดา โดยมีน้องชาย 1 คนคือ เทียน-ภาษิณ ลิ้มเจริญรัตน์
การศึกษา
พิธา เข้าเรียนที่โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ตั้งแต่ชั้นประถมจนถึงมัธยมศึกษาตอนต้น จากนั้นไปศึกษาต่อชั้นมัธยมตอนปลายที่ประเทศนิวซีแลนด์
และจบปริญญาตรี สาขาการเงิน (ภาคภาษาอังกฤษ) เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ปริญญาโท การเมืองการปกครอง สาขาการบริหารภาครัฐ ที่ John F. Kennedy School of Government มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
ปริญญาโทใบที่สอง การบริหารธุรกิจ Sloan สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์
งานการเมือง
พิธา ก้าวเข้าสู่วงการเมืองด้วยการเป็นที่ปรึกษาสำนักนายกรัฐมนตรี ประจำกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการคลัง ต่อมาพิธาสมัครเป็นสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ และได้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อของพรรคในลำดับที่ 4 และได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในครั้งแรกที่ลงรับเลือกตั้ง
โดยพิธาได้รับเลือกให้เป็นประธานคณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ในสัดส่วนของพรรคอนาคตใหม่
การอภิปรายครั้งแรกในสภาของเขาเรื่องนโยบายทางการเกษตรของรัฐบาล โดยเฉพาะปัญหากระดุม 5 เม็ด ได้รับการตอบรับที่ดีจากประชาชน ผู้ชมผู้ฟังการประชุมสภา และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ถึงขนาดที่พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยังเอ่ยปากชื่นชม
ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรคเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ในวันที่ 8 มีนาคม พิธาก็ได้ย้ายไปสังกัดพรรคก้าวไกลร่วมกับอดีตสมาชิกพรรคอนาคตใหม่อีก 54 คน โดยพิธาได้ดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรค
ชีวิตส่วนตัว
พิธามีข่าวคบหากับนักแสดงหญิงหลายคน เคยสมรสกับชุติมา ทีปะนาถ นักแสดงชื่อดัง สมรสเมื่อ พ.ศ. 2555 และหย่าร้างเมื่อ พ.ศ. 2561
บุตรสาวด้วยกัน 1 คนคือ เด็กหญิงพิพิม ลิ้มเจริญรัตน์ ทั้งสองมีสิทธิดูแลลูกเท่ากัน