มี 4 สิ่งนี้ ติดบ้านไว้ รับรอง มีกินมีใช้ ไม่ขัดสน ทำธุรกิจอะไรก็เจริญรุ่งเรือง

วันนี้เราจะพาคุณผู้อ่านทุกท่านไปพบกับเกร็ดความเชื่อที่จะช่วยเพิ่มโชคลาภ เงินทอง ในแบบฉบับของชาวจีน มีอะไรบ้างนั้นเราไปชมกันเลย

 

 

1. ระฆัง หรือ กระดิ่ง

เชื่อกันว่า การแขวนระฆังหรือกระดิ่งเล็กๆ ผูกด้ายแดง ไว้ที่ประตูนอกบ้าน จะช่วยให้เงินทองไหลเข้าบ้าน ของดีๆแบบนี้ รีบไปหามาแขวนด่วน

2. เหรียญจีนโบราณ

คือ เหรียญที่มีลักษณะกลม มีรูสี่เหลี่ยมตรงกลาง พร้อมผูกด้วยด้ายสีแดง 3 เหรียญ เชื่อว่าหากนำไปแขวนไว้บริเวณประตูบ้าน จะช่วยเรียกทรัพย์ได้ ที่สำคัญอย่าแขวนมากกว่า 3 เหรียญ เพราะจะส่งผลเสียมากกว่าให้ผลดี

3. ปลาทอง หรือ รูปธรรมชาติ

ตามหลักฮวงจุ้ยเชื่อว่าการเลี้ยงปลาทอง หรือการหาภาพที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติ เช่น ภาพดอกไม้ ภาพน้ำ ภาพกวาง มาแขวนไว้ในบ้าน จะเป็นการเรียกโชคลาภเข้าบ้านได้

4. ต้นไม้ในบริเวณบ้าน

ต้นไม้นอกจากจะให้ความร่มรื่นแล้ว ยังช่วยเรียกเงินทองได้อีกด้วย ดังนั้นอย่าปล่อยให้ต้นไม้ในบริเวณบ้านเหี่ยวเฉา เพราะจะทำให้ไม่มีโชคลาภเข้าบ้าน ต้องหมั่นรดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ย หากเป็นต้นไม้ที่นำโชคจะยิ่งดีขึ้นไปอีก

ถือเป็นสิ่งสำคัญในทางฮวงจุ้ย เพราะประตูบ้านเป็นช่องเปิดที่มีขนาดที่ใหญ่ที่สุดของบ้าน ซึ่งเป็นจุดที่กระแสอากาศภายนอกจะมาเกิดปฏิสัมพันธ์กับอากาศภายในบ้านได้มากที่สุด หากเราเลือกบ้านที่หันไปในทิศทางใดก็จะเท่ากับเราเลือกที่จะรับพลังงานในรูปแบบนั้นๆ ยิ่งถ้าเราเลือกรับพลังงานในทิศที่เป็นมงคลแล้ว ก็ยิ่งเป็นการเสริมโชคลาภให้กับเจ้าของบ้านด้วยนั่นเอง

1. บ้านที่หันหน้าทางทิศใต้

โดยเฉพาะหากเป็นประเทศที่อยู่เหนือเส้นศูนย์สูตรแล้ว โดยส่วนใหญ่พระอาทิตย์จะโคจรแบบอ้อมทางทิศใต้ ภาพรวมของทิศใต้นั้นจะเป็ศทิศทางที่ร้อนตลอดทั้งปี ในศาสตร์ฮวงจุ้ยนั้นจึงถือว่าเป็นทิศทางที่มีพลังงานของ “ธาตุไฟ”

2. บ้านที่หันหน้าทางทิศเหนือ

ในทางกลับกันกับทิศใต้ ทิศเหนือเป็นทิศที่พระอาทิตย์แทบจะไม่โคจรอ้อม โดยเฉพาะประเทศที่อยู่เหนือเส้นศูนย์สูตร บ้านที่หันหน้าไปทางทิศเหนือแทบจะไม่โดนแดดเลยตลอดทั้งปี ถือว่าเป็นทิศทางที่มีพลังงานของ “ธาตุน้ำ”

3. บ้านที่หันหน้าทางทิศตะวันออก

จะพบกันแสงแดดของพระอาทิตย์ในตอนเช้า ซึ่งจะเป็นช่วงเดียวกับการที่ต้นไม้เริ่มผลิใบ เพื่อรับแสงแดดมาทำการสังเคราะห์แสง ถือว่าทิศนี้เป็นทิศสะสมพลังงานของ “ธาตุไม้”

4. บ้านที่หันหน้าไปทางทิศตะวันตก

จะพบกับแสงแดดของพระอาทิตย์ในตอนบ่าย ถือว่าเป็นช่วงที่อากาศนั้นเริ่มจะเย็นแล้ว ถือว่าทิศตะวันตกนี้รับพลังงานของ “ธาตุทอง”

5. ส่วนอีก 4 ทิศที่เหลือคือทิศที่เป็นทิศเฉียง

จะมีวิธีคิดจะมีความซับซ้อนกว่า หากจำเป็นต้องเลือกบ้านในกลุ่มนี้ ควรได้รับการประเมินจากซินแสที่มีประสบการณ์

6. การเลือกทิศบ้านที่ดีที่สุดนั้น

ควรปรับให้กับดวงชะตาของเจ้าของบ้านจะดีมาก ตัวอย่างเช่นหากเจ้าของบ้านเป็นคนธาตุน้ำ แม้ว่าไฟจะถือว่าเป็นธาตุโชคลาภของคนธาตุน้ำ แต่น้ำน้อยไม่อาจดับไฟ กลับจะทำให้ไฟมีแต่คุกรุ่นขึ้นหรือเรียกว่าเป็นดวงที่อาจจะเสียหายเรื่องโชคลาภเงินทองนั่นเอง การเลือกทิศบ้านนั้น หากเลือกบ้านที่หันไปทางทิศเหนือ ก็จะได้บ้านที่ประจุพลังงานของธาตุน้ำเข้าไป จะส่งผลให้ดวงชะตาของผู้ที่อยู่อาศัยดีขึ้นและสามารถจัดการกับอุปสรรคต่างๆ เพื่อให้ได้โชคลาภที่เพิ่มพูนมากขึ้นได้

7. ถ้าพิจารณาตามหลักทิศทางธรรมชาติ

ทิศที่ถือว่าดีและเป็นที่นิยมในการเลือกซื้อบ้านมากที่สุด มีอยู่ 2 ทิศด้วยกัน คือ บ้านที่หันหน้าไปทางทิศใต้ และบ้านที่หันหน้าไปทางทิศตะวันออก เนื่องจากบ้านที่หันทิศใต้ จะได้รับผลดีจากกระแสลมที่พัดเข้าบ้าน ซึ่งบ้านที่มีอากาศไหลเวียนดี ย่อมนำมาซึ่งสุขภาพที่ดีด้วย นอกจากนี้ ในทางฮวงจุ้ย ยังถือเป็นทิศทางของทรัพย์หรือโชคลาภ ส่วนบ้านที่หันไปทางทิศตะวันออก จะได้รับประโยชน์ในเรื่องของแสงแดด ตอนเช้าแสงส่องหน้าบ้านถือเป็นแดดดีไม่ร้อนเกินไป ส่วนตอนบ่าย หน้าบ้านจะร่ม สามารถทำกิจกรรมด้านหน้าตัวบ้านได้

8. ในทางฮวงจุ้ย

ทิศหลังบ้านถือเป็นทิศที่หนุนและส่งเสริมเจ้าของบ้านด้วยเช่นกัน หากหลังแน่นมั่นคงเสียอย่าง ก็ไม่มีทางที่จะล้มง่ายๆ ซึ่งทิศหลังบ้านที่เป็นมงคลสำหรับคนธาตุต่างๆ มีดังนี้ ธาตุน้ำ (ปีชวดและกุน) คือทิศตะวันตก, ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ และทิศเหนือ, ธาตุไม้ (ปีชวดและเถาะ) ทิศมงคลคือทิศเหนือ, ทิศตะวันออก และทิศตะวันออกเฉียงใต้, ธาตุไฟ (ปีมะเส็งและมะเมีย) ทิศมงคลคือทิศตะวันออก, ทิศตะวันออกเฉียงใต้ และทิศใต้, ธาตุทอง (ปีวอกและปีระกา) ทิศมงคลคือทิศตะวันออกเฉียงเหนือ, ทิศตะวันตกเฉียงใต้, ทิศตะวันตก และทิศตะวันตกเฉียงเหนือ สุดท้ายคนธาตุดิน (ปีฉลู, มะโรง, มะแมและจอ) ทิศมงคลคือทิศใต้, ทิศตะวันออกเฉียงแหนือ และทิศตะวันตกเฉียงใต้

ใส่ความเห็น