ใครชอบ อั้นอึ ดูไว้ สี่ยงเป็นมะเร็งลำไส้ให้ตนเองไม่รู้ตัว

 

แพทย์ ศิริราชเตือนผู้นิยม “อั้นอึ” เพิ่มความสี่ยงเป็นมะเร็งลำไส้ให้ตนเองไม่รู้ตัว

ปัจจุบันพบเป็นมากในหมู่คนกรุงและแนวโน้มช่วงอายุที่เป็นค่อนข้างต่ำลง หากมีอาการต้องสงสัยควรไปพบแพทย์ทันทีมีทางหายขาด น.พ. สุรชาติ จักรภีร์ศิริสุข หัวหน้าหน่วยเคมีบำบัด คณะแพทย์ศาสตร์ ศิริราชพยาบาล แนะให้สังเกตอาการบ่งชี้ว่าเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยการขับถ่ายจะเปลี่ยนไป ท้องเสียโดยไม่ทราบสาเหตุและไม่เกี่ยวกับอาหารที่กิน มีหมูกเลือดเวลาขับถ่าย แต่จะไม่เหมือนกับบิดเพราะถ้าเป็นบิดจะหายภายใน 1 สัปดาห์ ท้องผูกมากขึ้น โดยปกติมักพบผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งลำไส้ในวัย 50ปีกว่า แต่ปัจจุบันนี้พบในกลุ่มผู้ที่มีอายุน้อยกว่าเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนกรุงพบว่าเป็นวัยรุ่นส่วนหนึ่งมาจากพฤติกรรมการบริโภคที่ผิดแผกไป จากวัฒนธรรมดั่งเดิมที่มักได้รับสารพิษมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว อักทั้งกรรมพันธุ์ และพฤติกรรมการอั้นอุจจาระ เพราะของเสียที่อยู่ในร่างกายไม่ควรอยู่นานเกิน 24 ชั่วโมง

 

ฉะนั้นผู้ที่มีพฤติกรรมชอบอั้นอุจจาระถือว่าเป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้ตนเอง เมื่อหมักหมมนานปริมาณเชื้อโรคจะเพิ่มขึ้น อุจจาระแข็งตัวมากขึ้น เวลาที่ถ่ายออกมาอุจจาระจะไปครูดผนังลำไส้เป็นการสะกิดให้เกิดการเป็นแผลและ ลุกลามกลายเป็นมะเร็งสำไส้ได้

อั้นอุจจาระบ่อย ๆ ไม่มีนะ

ที่ผ่านมาคนไข้ที่มาพบแพทย์มักมาใน ช่วงที่ป่วยในระยะ 2-3 แล้ว เพราะอาการจะเริ่มชัดเจน เช่นถ่ายเป็นหมูกเลือกแต่ไม่มีไข้ หากได้รับการตรวจร่างกายประจำปีก็สามารถพบได้ ส่วนการรักษานั้น น.พ. สุรชาติเผยว่า หากพบในระยะที่ 2 – 3 สามารถรักษาได้ด้วยการผ่าตัด โดย “ตัดเนื้อดีหัวท้ายยกเนื้อร้ายออก” จะทำให้เชื้อไม่แพร่กระจาย จะไม่เหมือนกับในสมัยก่อนที่เจอเนื้อร้ายตรงไหนแล้วก็ตัดในระยะประชิด จึงทำให้มีโอกาสกลับมาเป็นได้อีก แต่การ“ตัดเนื้อดีหัวท้ายยกเนื้อร้ายออก”นั้นเป็นการถอยไปตัดให้ห่างจากก้อน เนื้อร้าย ผลข้างเคียงหลังการผ่าตัดอาจเป็นคนที่รับประทานแล้วขับถ่ายเร็วขึ้นเพราะลำ ไส้โดนตัดออกไป แต่จะไม่เป็นอันตราย โอกาสการกระจายของเนื้อร้ายมีน้อยมาก

 

 

“อยาก ให้ผู้ป่วยเปลี่ยนทัศนคติเรื่องการผ่าตัดรักษาโรคมะเร็งลำไส้เพราะ ปัจจุบันวิวัฒนาการทางการแพทย์ค่อนข้างเจริญก้าวหน้าโอกาสในการหายมีมาก ภาพเดิมๆที่เคยเห็นว่าหลังผ่าตัดจะต้องมีถุงขับถ่ายห้อยอยู่หน้าท้องก็ไม้ ต้องแล้ว ส่วนเรื่องของยาก็มีการผลิตยาขนานใหม่ที่มีผลข้างเคียงน้อย และให้ผลตอบสนองค่อนข้างดี เช่นจากยาเดิมให้ผลการรักษา 20-30 เปอร์เซ็นต์ แต่ในยาใหม่ถ้าให้ในระยะที่ 2 ให้ผลถึง 30-40 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าเป็นในระยะที่ 3 มีโอกาสถึง 70- 80 เปอร์เซ็นต์ โดยการให้ยาจะต้องควบคู่กับการผ่าตัด ต่อให้เป็นผู้ป่วยที่อยู่ในระยะที่หนักแล้วก็ยังประคองอาการอยู่ได้อีกนนาน”

 

 

ส่วน เรื่องของกรรมพันธุ์มีสิทธ์เป็น 10-15 เปอร์เซ็นต์ หากใครที่มีญาติพี่น้องสายตรง เป็นมะเร็งลำไส้แล้วเสียชีวิตในวัยที่อายุค่อนข้างน้อย ควรต้องสงสัยตนเองก่อนแล้วไปพบแพทย์ตรวจหากมีอาการเข้าข่าย เลือกการตรวจโดยการส่องกล้องทางทวารหนักเข้าลำไส้ใหญ่จะได้ผลชัดกว่าการ เอกซเรย์ โดยปกติผู้ที่มีความเสี่ยงจากกรรมพันธุ์จะมีติ่งเนื้ออยู่ภายในลำไส้อยู่ แล้วมีโอกาสเป็นเพียง 10-15 เปอร์เซ็นต์ หากมีพฤติกรรมความเสี่ยงเพิ่มท้องผูกบ่อยโอกาสเป็นจะมีสูงมากขึ้นตามลำดับ โดยทั่วไปกรรมพันธุ์มะเร็งมักจะเป็นตามกลุ่มโรคเช่นเป็นมะเร็งเต้านมก็จะมี โอกาสเป็นมะเร็งรังไข่ แล้วก็ต่อด้วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ อย่างไรก็ตามน.พ. สุรชาติแนะนำว่า ควรใช้ชีวิตให้ใกล้ชิดธรรมชาติมากที่สุด ทั้งการกินอยู่ จะสามารถลดความเสี่ยงไปได้มาก พยายามขับถ่ายให้เป็นปกติ หากถ่ายทุกวันได้จะถือเป็นการดี

อ้างอิง : howtowincancer.com

ใส่ความเห็น