ไม่เชื่ออย่าลบหลู่! วิธีบูชาเทวดา ที่อยู่ใกล้ตัวเรา ทำแล้วชีวิตดีขึ้น

ความเชื่อ เป็นธรรมชาติที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ และถือว่าเป็นวัฒนธรรมของมนุษย์อย่างหนึ่ง การดำรงชีวิตของมนุษย์ในสมัยโบราณที่มีความเจริญทางด้านวิชาการน้อย ความเชื่อจึงเกิดจากการเกิดขึ้น และการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติที่มนุษย์เชื่อว่าเป็นการบันดาลให้เกิดขึ้นจากอำนาจของเทวดา พระเจ้า หรือภูตผีปีศาจ ดังนั้นเมื่อเกิดปรากฏการณ์ต่างๆ ขึ้น เช่น ฝนตก ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด อุทกภัย และวาตภัย ต่างๆ ขึ้น ล้วนเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลต่อชีวิตหรือความเป็นอยู่ของมนุษย์ ซึ่งยากที่จะป้องกันหรือแก้ไขได้ด้วยตัวเอง บางอย่างเป็นเหตุการณ์ที่อำนวยประโยชน์ แต่บางเหตุการณ์ก็เป็นอันตรายต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของมนุษย์ มนุษย์จึงพยายามที่จะคิดหาวิธีการที่จะก่อให้เกิดผลในทางที่ดี และเกิดความสุขให้กับตนเอง เพื่อกระทำต่อสิ่งที่มีอำนาจเหนือธรรมชาติเหล่านั้น ทำให้เกิดเป็นแนวทางปฏิบัติที่เป็นพิธีกรรม หรือศาสนาเกิดขึ้น

ความเชื่อโบราณ ที่ว่า บูชาของรักษา ของรักษาก็หมายถึงเทวดาที่รักษาเรานั่นเอง ท่านจะคอยดูแล เตือนภัยต่างๆให้ เทวดาที่เกี่ยวเนื่องกับคนมากที่สุด เช่น เทวดาประจำตัว เทวดารักษาวัตถุ สิ่งของ เช่น รักษาพระเครื่อง วัตถุมงคล ที่เราใช้ เทวดารักษาสถานที่ เช่น รักษาบ้านเรือน หรือเรียกว่าผีบ้านผีเรือนนั่นเอง พระภูมิเจ้าที่ เป็นต้น

วิธีการปฏิบัติ ดูแล หรือเพิ่มอิทธิฤทธิ์ให้เทวดา

1. เราควรไหว้เทวดาประจำตัวด้วยบายศรีปากชามในวันเกิดของเรา อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

2.ควรซื้อพวงมาลัย ไหว้หัวเตียงที่เรานอน ทุกวันพระ หรือเก็บดอกไม้ ใส่พานไว้หัวเตียง เพื่อเป็นการสักการะเทวดาที่รักษาเวลาเรานอน และบูชาเทวดาประจำตัวเรา เชื่อว่า หากมีเรื่องร้ายเทวดาจะมานิมิตบอกทันที และจะฝันแม่นมาก

3.หาโอกาสทำบุญสังฆทาน ผ้าป่า กฐิน บุญใหญ่ๆ เช่น หล่อพระพุทธรูป บุญสร้างสะพาน สร้างสาธารณะกุศลที่คนได้ใช้มากๆ แล้วอุทิศกุศลให้เทวดา แล้วเทวดาเหล่านี้จะมีฤทธิ์มากขึ้นเรื่อยๆ จะช่วยดูแลเราได้มากขึ้น
คนสมัยใหม่ มักจะทำไม่เป็น ไม่คุ้นกับวิธีการ ลองทำดู พิสูจน์ดู เป็นความเชื่อที่หากใครปฏิบัติถูกต้องมักจะร่มเย็นเป็นสุข

 

ความหมายของความเชื่อ

คำว่า “ความเชื่อ” มีความหมายอยู่หลายความหมาย นักวิชาการและผู้รู้ได้ให้ความหมายของความเชื่อไว้ในแง่มุมต่างๆ ดังนี้

ความเชื่อ คือ การยอมรับว่าสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นความจริงหรือเป็นสิ่งที่เราไว้ใจ ความจริงหรือความไว้วางใจที่เป็นรูปของความเชื่อนั้น ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นความจริงที่ตรงตามหลักเหตุผลหรือหลักวิทยาศาสตร์ใดๆ คนที่เชื่อในฤกษ์ยามก็จะถือว่า วันเวลาการโคจรของดวงดาวจะก่อให้เกิดผลต่อตัวมนุษย์ คนที่เชื่อเครื่องรางของขลังก็จะมีความยึดมั่นว่า เครื่องรางของขลังให้คุณให้โทษแก่ตนได้จริง ตัวอย่างของความเชื่อ ได้แก่ ไสยศาสตร์ โหราศาสตร์ โชคลาง ของขลัง ผีสาง นางไม้ ความเชื่ออำนาจลึกลับ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ เหล่านี้เป็นต้น

 

ใส่ความเห็น