พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจรที่จ.สุโขทัย เห็นชอบ โครงการของขวัญปีใหม่ปี 2561 ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยโครงการแรกเพื่อส่งเสริมวินัยทางการเงินให้กับประชาชนทางธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ให้ของขวัญ 1,000 บาทสำหรับลูกค้ารายย่อยที่ผ่อนชำระหนี้ย้อนหลัง 48 เดือน ไม่เป็นหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) จะได้มีวงเงินกู้ รวมวงเงินกู้ทุกบัญชีภายใต้หลักประกันเดียวกันไม่เกิน 1 ล้านบาท โดยต้องเป็นผู้กู้ที่มีการชำระเงินงวดของเดือนธ.ค. 2560 ในช่วงระหว่างวันที่ 1-31 ธ.ค. 2560 คาดว่าจะมีผู้ได้รับของขวัญ 165,107 ราย
ต่อมาเป็นโครงการชำระดี มีคืนของ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะคืนดอกเบี้ยให้ลูกค้า 30% ของจำนวนดอกเบี้ยที่ชำระในช่วงระหว่าง 1 ม.ค. – 31 ธ.ค. 2561 สำหรับลูกค้าที่มีเงินต้นคงเป็นหนี้ ณ วันที่ 30 พ.ย. 2560 ไม่เกิน 300,00 บาท คาดว่าจะมีผู้ได้รับของขวัญเป็นเกษตรกร 2.3 ล้านราย
ทั้งนี้ โครงการสนับสนุนให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองของ ธอส. จัดทำโครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้ได้รับสิทธิ์ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผู้มีรายได้น้อยทั่วไปและบุคลากรภาครัฐรวม 3 โครงการมีอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรนและมีระยะเวลากู้ยืมสูงสุดถึง 40 ปี รวมทั้งมีการยกเว้นค่าธรรมเนียมตามที่ธนาคารกำหนด ซึ่งให้ยื่นขอคำกู้ได้จนถึงวันที่ 28 ธ.ค. 2561 หรือเมื่อธนาคารได้อนุมัติสินเชื่อเต็มโครงการแล้ว แบ่งออกเป็นประชาชนผู้ได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและประชาชนผู้มีรายได้น้อยมีวงเงิน โครงการรวม 30,000 ล้านบาท วงเงินสูงสุดต่อรายให้กู้ไม่เกิน 2 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4 ปีแรก 2.75% ต่อปี กรณีวงเงินกู้ไม่เกิน 1 ล้านบาท และ 3% ต่อปีสำหรับวงเงินกู้มากกว่า 1 ล้านบาทแต่ไม่เกิน 2 ล้านบาท
ขณะที่บุคลากรภาครัฐ มีวงเงินรวม 30,000 ล้านบาท ไม่จำกัดวงเงินสูงสุดต่อรายอัตราดอกเบี้ยคงที่ 4 ปีแรก เอ็มอาร์อาร์-3.75% ต่อปี หรือเทียบเท่า 3% ต่อปี นอกจากนี้ เป็นสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้โดยให้ประชาชนผู้ได้รับสิทธิ์ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและประชาชนผู้มีรายได้น้อยรวมถึงบุคลากรภาครัฐตามที่ธนาคารกำหนดที่มีภูมิลำเนาหรือต้องการที่อยู่อาศัยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ 3 จังหวัด ได้แก่ ยะลา นราธิวาส และปัตตานี วงเงินโครงการรวม 1,000 ล้านบาท ให้วงเงินกู้สูงสุดต่อรายไม่เกิน 1 ล้านบาท สำหรับผู้ได้รับสิทธิ์ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและไม่เกิน 2 ล้านบาท สำหรับประชาชนผู้มีรายได้น้อยและบุคลากรภาครัฐกำหนดอัตราดอกเบี้ยคงที่ 5 ปีแรกอยู่ที่ 2.5% ต่อปี
“การนำเสนอ ครม. ในครั้งนี้ทางสถาบันการเงินเฉพาะกิจไม่ได้ขอเงินชดเชยดอกเบี้ยแต่อย่างใด แต่ขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาลเพื่อขอแยกบัญชี การทำโครงการดังกล่าวเพื่อนำผลกระทบรายได้และค่าใช้จ่ายมาปรับตัวชี้วัดทางการเงินที่เกี่ยวข้องตามบันทึกข้อตกลงการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจรวมถึงให้นำส่วนดังกล่าวบวกกลับเป็นกำไรสุทธิเพื่อคำนวณโบนัสพนักงาน และโครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธอส. ขอให้ไม่นับรวมเอ็นพีแอล ที่เกิดจากการดำเนินโครงการ เป็นตัวชี้วัดผลการดำเนินงานของ ธอส. ด้วย”พล.ท.สรรเสริญกล่าว