มือที่หยาบกร้านของแม่ ที่คุณเคยขยะแขยงในตอนเด็ก กลับกลายเป็นมือที่คุณร่ำไห้หาในวันที่เติบใหญ่

 

ภาพหญิงชรา ที่เดินหาบขนมขายอยู่ริมถนน

ทำให้ผมหยุดชะงักอยู่ชั่วขณะ

แม้ว่าแกจะเดินจากไปแล้ว

แต่ภาพหญิงแก่ที่ยกมือขึ้นปาดเหงื่อ

เดินฝ่าเปลวแดดออกไปนั้น

ยังคงติดตรึงอยู่ในสายตาของผม จนยากที่จะสลัดออก

มือหยาบกร้านที่มีแต่เส้นเอ็นปูดโปนของหญิงแก่

ทำให้ผมนึกถึงมือของผู้หญิงคนหนึ่ง….

ผู้หญิงซึ่งทำทุกอย่างเพื่อลูกน้อยของตนได้โดยไม่หวังอะไร

นอกจากรอยยิ้มของลูก ….. ผู้หญิงคนนั้น…. คือ แม่ของผมเอง

แม่เป็นแม่ค้า ที่หาบขนมขายอยู่ข้างถนน

 

วันไหน ขายดี ก็มีเงิน พอจับจ่ายตามอัตภาพ

หากวันไหน ขายไม่ได้ ก็ต้องใช้เงินอย่างกระเบียดกระเสียร

แต่แม่ก็ไม่เคยยอมให้ผมรู้จักกับความหิวโหย

อะไรที่อยากกิน แม่มักหามาให้ผมเสมอ

ไม่ว่าของสิ่งนั้นมันจะทำให้แม่ต้องอดสักกี่มื้อก็ตาม

เวลาที่ผมนั่งกินขนมอย่างเอร็ดอร่อย แม่มักจะมองดูเงียบๆ

ริมฝีปากของแม่ปรากฏรอยยิ้มน้อยๆ อย่างมีความสุข

ตอนนั้น ผมไม่เคยสนใจเลยว่า

ขนมชิ้นเล็กราคาแพงที่แม่หามาให้นั้น

ต้องแลกมาด้วยหยาดเหงื่อของแม่กี่หยด

ไม่เคยนึกสงสัยด้วยซ้ำว่า หลังจากที่ผมกินขนมจนอิ่ม

จะมีอะไรเหลือตกถึงท้องแม่ไหม ?

ผมรู้เพียงอย่างเดียวคือ แม่เป็นหญิงแก่ที่หาบขนมขาย……….

…….ยามใดที่มโนธรรมมาย้ำเตือนให้ผม

คิดถึงความเหน็ดเหนื่อยของแม่ สัญชาตญาณแห่งการเอาตัวรอด

ก็มักจะหลบเลี่ยงความรู้สึกผิดในใจด้วยการบอกว่า

ในเมื่อแม่เกิดผมมา

มันก็เป็นหน้าที่ของแม่ที่ต้องหาบขนมขายเพื่อหาเลี้ยงผม

ถ้าไม่มีอะไรกิน

ขนมที่เหลือจากการขายมันก็ช่วยให้แม่อิ่มได้นี่นา

ยามใด ที่มือนั้นยื่นมาจับต้องดึงผมไปกอดไว้แนบอก

ยามนั้น ผมก็มักจะเบี่ยงตัวหนีด้วยความรู้สึกขยะแขยง

แม้ไม่เอื้อนเอ่ยออกมาเป็นวาจา แต่แววตาที่ผมแสดงออก

มันก็บอกถึงความรู้สึกภายในอย่างโจ่งแจ้ง

แววตาที่ทำให้แม่ชะงัก แม่มองหน้าผมอย่างเข้าใจ

แล้วก็มีท่าทีงกๆ เงิ่นๆ อย่างคนรู้สึกผิด แม่ไม่พูดอะไรสักคำ

มือหยาบกร้านนั้นกำแน่นค่อยๆ ตกอยู่ข้างลำตัว ไหล่ของแม่ลู่ลง…

หลังจากวันนั้น มือของแม่ไม่กล้าที่จะเอื้อมมากอดผมอีกเลย

….ตอนนั้น ผมรู้สึกสบายใจนะ

ที่ไม่ต้องสัมผัสกับมือที่หยาบกระด้างที่น่ารังเกียจนั่น

…แต่เมื่อ เวลาผ่านไป ผมกลับเกิดความรู้สึกที่ต่างจากเดิม…

จริง ๆ แล้วสิ่งที่น่ารังเกียจ ไม่ใช้มือหยาบกร้านของแม่หรอก

มือที่เนียนสวยราวกับลูกผู้ดี ของผมต่างหากที่น่าขยะแขยง

ขณะที่มือแม่กร้านเพราะ กรำงานหนักเพื่อเลี้ยงผม

แต่มือที่อ่อนนุ่มของผมไม่เคยทำประโยชน์เพื่อใครเลยนอกจากตัวเอง

น่าขันนะ เมื่อผมเติบใหญ่ และประสบความสำเร็จในชีวิต หลายครั้งหลายคราที่มีโอกาสจับต้องมือของผู้หญิงมากหน้ามือที่ นิ่ม หอมกรุ่นกับเล็บเคลือบสีสดและเรียวปากนุ่มสวยช่างฉอเลาะนั้นไม่ได้ทำให้ผมโหยหาเลยสักนิดสิ่งที่ผมร่ำร้อง กลับเป็นมือที่หยาบกระด้างของผู้หญิงเพียงคนเดียว…
ผู้หญิงที่หาบคอนกระจาด

เดินเร่ขายขนมอยู่ข้างถนนเพื่อเลี้ยงลูกชาย

ผู้หญิงไม่ค่อยพูด ที่มักใช้สายตาเฝ้ามองผมอยู่เงียบๆ

สายตาที่สื่อความรู้สึกของแม่คนนึงซึ่งมีต่อลูก

สายตาอ่อนโยนคู่นั้นเหมือนกับจะบอกผมเสมอว่า

ผมคือ ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของแม่…

อาจจะเป็นเพราะพ่อจากไปอยู่กับผู้หญิงคนอื่นตั้งแต่ผมยังเล็กก็ได้

ทำให้แม่พยามทำทุกอย่างเพื่อชดเชยความเป็นลูกไม่มีพ่อให้ผม

เท่าที่แม่ค้าหาบขนมขายอย่างแม่จะทำได้

แม่คงกลัวว่าผมจะกลายเป็นเด็กมีปัญหาเพราะขาดพ่อล่ะมั้ง

แต่แม่ไม่เคยรู้หรอกว่า ในสายตาของผม….ผู้ชายที่ทำให้ผมเกิดมา

ไม่ได้มีความสำคัญกับผมเลยสักนิด….. ผมเกลียดผู้ชายคนนั้น …..

ตาแก่ที่กินเหล้าจนเมา เอะอะ โวยวาย ทำร้ายแม่ผม

หลายครั้งที่ผมเห็นพ่อใช้คำพูดถากถาง ระราน อาละวาดใส่แม่

แม่ผู้น่าสมเพชของผมก็ไม่เคยลุกขึ้นมาต่อต้านเลยสักนิด

แม่มักยอมพ่อเสมอ….. ยอมถูกซ้อมเป็นกระสอบทราย

แล้วก็แอบไปนั่งร้องไห้คนเดียวเงียบๆ

ยอมทำงานหนักเดินขายของวันละหลายๆ กิโล

เพื่อเอาเงินมาเลี้ยงครอบครัว …….ส่วนเงินเดือนของพ่อน่ะหรือ?

มันจมลงในขวดเหล้าหมดแล้ว

สภาพของแม่ที่ผมเห็น ทำให้ผมได้แต่นึกในใจว่า

ถ้าผมแต่งงาน ผมจะหา เมีย อย่างแม่

แต่ถ้าผมเป็นผู้หญิง

ผมจะไม่ยอมมีชีวิตที่น่าเวทนาแบบแม่ เด็ดขาด!

ผู้หญิงที่ยอมเป็นกระโถนรองรับอารมณ์ของผู้ชาย

ผู้หญิงที่ยอมให้สามีโขกสับอย่างกับทาสในเรือนเบี้ย

ยอมทำงานบ้านจนดึกจนดื่น

ยอมตื่นแต่เช้ามาทำขนมขายเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว

ยอมแม้กระทั่งให้ผู้หญิงอื่นมาแย่งผัวตัวเองไปต่อหน้าต่อตา

แม่ยอมรับชะตากรรมที่เกิดขึ้น

โดยไม่เคยคิดจะต่อสู้เรียกร้องสิทธิอะไรเลย

แม่มีปากเสียงกับพ่อเพียงครั้งเดียว ตอนที่พ่อจะเอาผมไปอยู่ด้วย

ตอนนั้นผมเห็นแม่สู้ยิบตาราวกับหมาจนตรอกเลยทีเดียว

พ่อยอมให้ผมอยู่กับแม่อย่างไม่คิดจะเยื้อแย่ง

“น้ำหน้าอย่างเธอ จะเลี้ยงลูกได้สักแค่ไหนกันเชียว

อีกหน่อยลูกมันคงต้องหาบขนมขายทั้งชาติ เหมือนเธอนั่นแหล่ะ”

นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายที่แม่และผมได้ยินจากปากของพ่อ

มันเป็นคำพูดที่ทำให้แม่ฮึดสู้

แม่ทำงานหนักตัวเป็นเกลียวเพื่อหาเงินส่งผมเรียนสูงๆ

ซึ่งผมก็ไม่ได้ทำให้แม่ผิดหวังเลย

การเรียนของผมอยู่ในขั้นดีเยี่ยมจนได้รางวัลจากทางโรงเรียนเสมอ

เปล่าหรอกนะ ผมไม่ได้ตั้งใจเรียนเพื่อแม่หรอก

ตลอดเวลาผมไม่ได้คิดที่จะทำอะไรเพื่อแม่เลยสักครั้ง

แต่ที่ผมตั้งใจเรียน ก็เพราะรู้ว่า….การศึกษาเป็นหนทางเดียว

ที่จะทำให้ผมหลุดพ้นจากบ้านในสลัมโทรมๆ แห่งนี้ต่างหาก

ความทะเยอทะยานในอดีตเป็นแรงผลักดัน

ที่ทำให้ผมประสบความสำเร็จในชีวิต

โดยมีโอกาสดี ๆ ที่โชคชะตาหยิบยื่นให้เป็นตัวช่วยสนับสนุน

สิ่งเหล่านี้ ทำให้ผมหลงระเริงอยู่นานทีเดียว

มันทำให้ผมหยิ่งผยอง คิดว่าตัวเองนั้นเก่งกล้า

สามารถก้าวจากจุดศูนย์ขึ้นมายืนผงาดอยู่ได้ด้วยขาตัวเอง

ทั้ง ๆ ที่ ความจริงแล้ว ความสำเร็จของปริญญาระดับด๊อกเตอร์

ที่แปะข้างฝาบ้านของผมนั้นมีแม่อยู่เบื้องหลังเสมอ

แม่ผู้จบ ป. 4 แต่ไม่มีเงินซื้อใบสุทธิ

ขาของผมยืนผงาดออยู่ได้ ด้วยการเหยีบบ่าของแม่โดยแท้

และผมก็ไม่เคยสนใจเลยสักนิดว่า

บ่าที่เหยียบเป็นฐานนั้นจะชอกช้ำเพียงใด

เพราะเจ้าของบ่า ไม่เคยปริปากบอกผมเลย

ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไร แม่ก็ยังคงเป็นคนพูดน้อยทำมากเสมอ

แม่เป็นผู้ฟังที่ดีมาตั้งแต่ผมยังเด็กแล้ว

ทุกครั้งที่ผมมีความกังวล แม่จะคอยรับฟังเสมอ

เวลาที่ผมระบายสิ่งที่อัดอั้นตันใจ

หลายครั้งที่แม่ฟัง จำนวนเงินที่เด็กชายเอ่ยขอ

ยามต้องการจะซื้อของต่างๆ เพื่อให้มีเหมือนลูกคนอื่น

แม่ไม่เคย แย้ง นิ่ง…ฟัง…

หลังจากวันนั้น แม่ขายของจนค่ำมืดกว่าปกติอยู่หลายวัน

และวันหนึ่งแม่ก็ยื่นเงินให้ผมเพื่อไปซื้อของที่อยากได้

ยามที่ผมรับเงินจากมือของแม่ ผมรู้สึกว่า

มือของแม่หยาบกร้านกว่าเคย….

แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรนักหรอก เพราะถึงมือ

มือนี้จะต้องหยาบกร้านเพิ่มขึ้นสักแค่ไหน

มันก็ยังคงหยิบยื่นมความสะดวกสบายให้ผมได้เหมือนเดิม

และมันก็เป็นเช่นนี้เสมอมา ไม่ว่ายามที่ผม สุข หรือ ทุกข์

มือของแม่จะอยู่เคียงข้าง คอยช่วยประคับประคองผมเสมอ

ตราบชั่วชีวิตของแม่

จนกระทั่ง วันนี้…

หลายสิ่งในชีวิตของผมเปลี่ยนไป…..

ผมมีชื่อเสียง มีเกียรติยศ มีคนนับหน้าถือตา

มีบ้านหลังใหญ่ มีรถคันงาม มีเงินทอง

มีมือนุ่มนิ่มของผู้หญิงสวยๆ คอยคลอเคลีย

ทุกสิ่งที่ผมเคยต้องการล้วนมากองอยู่แทบเท้าของผม

แต่สิ่งที่ผมอยากได้มากที่สุดกลับขาดหายไป ณ วันนี้

ข้างกายของผม

ไม่มีมือของแม่…..

 

ใส่ความเห็น